top of page

Nakhon Phanom l นมัสการพระธาตุพนมวันออกพรรษา พักโรงแรมหลักร้อยธาตุพนมริเวอร์วิว l รีวิวที่ 34

  • Writer: Angklish Kittichai Singha
    Angklish Kittichai Singha
  • Apr 13, 2016
  • 1 min read

สวัสดีวันสงกรานต์ครับ แต่บรรยากาศกลับเป็นวันออกพรรษา วันนี้พาไปเที่ยวนครพนมในประเทศไทยบ้าง จริงๆ แอดมินก็เที่ยวเมืองไทยเยอะกว่านะครับ แต่ไม่ค่อยได้เอามารีวิวเสียที วันนี้ก็เลยปัดฝุ่นพาไปเที่ยวอำเภอเล็กๆ ที่ได้รับการจัดอันดับว่าเหมาะกับสโลว์ไลฟ์เป็นอันดับหนึ่งในประเทศไทยคือ อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม นั้นเองครับ

จริงๆ แล้ว บรรยากาศที่พาไปเที่ยวนี้ไม่ใช่เพิ่งไปมาหรอกครับ ไปมาเกือบสองปีแล้ว ตอนไปลองรถเล่นที่ภาคอีสานกัน เริ่มต้นจากกรุงเทพไปขอนแก่นวิ่งผ่านภูพานมายังนครพนมก็เลาะเลียบริมแม่น้ำโขงไปที่หนองคาย โดยพระธาตุพนมวันที่ไปบอกตรงๆ ครับ ตรงกับวันทำบุญใหญ่ปีละครั้งหลังวันออกพรรษา ซึ่งเราไม่รู้หรอกครับว่าเป็นวันนั้น คือตั้งจิตบริสุทธิ์ว่าอยากจะไปนมัสการพระธาตุพนมกันสักครั้ง ก็ปรากฎว่าได้ไปในวันสำคัญ ซึ่งเขาถือว่าเป็นวันสัตตนาคารำลึกครับ ก่อนจะไปลงรายละเอียดเกี่ยวกับวันนี้กัน พาไปชมที่พักกันครับ เป็นโรงแรมหลักร้อยก็จริง แต่ผมว่าดีกว่าหลักพันในหลายๆ แห่งของประเทศไทยกันเลยทีเดียว

โรงแรมธาตุพนมริเวอร์วิว เป็นโรงแรมขนาดกลางๆ แต่ต้องถือว่าใหญ่พอสมควรทีเดียวสำหรับอำเภอเล็กๆ อย่างอำเภอพระธาตุพนม โดยตั้งอยู่ริมแม่น้ำโขงเลย ที่พักกว้างขวางในหลักราคาไม่กี่ร้อยบาทครับ ที่จอดรถก็มากมาย อาหารก็อร่อยแบบบ้านๆ แท้ๆ เลยครับ สัญญาณโทรทัศน์ชัดแจ๋ว น้ำฝักบัวแรงโพดๆ เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของอำเภอนี้เลยครับ และน่าจะเป็นสถานที่พบปะยามราตรีของคนเมืองนี้ด้วย เพราะมีร้านอาหารและคาราโอเกะ แต่วันที่ผมไปก็คนใช้บริการไม่เยอะนะครับ ส่วนใหญ่เห็นร้องอยู่ตามร้านเหล้าริมฝั่งแม่น้ำโขงเสียมากกว่า แม้ว่าโรงแรมนี้จะดูหรูหราสุดแล้วในอำเภอ แต่สำหรับผมภาพมันหนักไปทางเป็นอพาร์ตเมนต์หรือหอพักเสียมากกว่า แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะบรรยากาศไม่ดีนะครับ อากาศปลายตุลาตอนเช้าๆ มันเริ่มเย็นๆ แล้วด้วย มาพักในอำเภอที่คนส่วนใหญ่ใช้เป็นทางผ่านมันก็ทำให้ชีวิตตัวเอง หลุดจากความรีบเร่งของคนกรุงเทพได้ อ้อแต่ที่นี้ถ้าไม่นับตามรัานเหล้าหรือในช่วงที่มีเทศกาลแล้ว ผมว่าแค่หกโมงเย็นก็เรียกได้ว่าเปลี่ยนขนาดแล้วเน้อ

จุดเด่นของโรงแรมนอกจากบรรยากาศจะดีเพราะตั้งอยู่ริมน้ำโขงแล้ว ยังอยู่ใกล้กับพระธาตุพนมแบบเห็นได้จากระเบียงหลังห้องเลยครับ สามารถเดินไปได้ไม่ถึง ๕ นาที เหมาะมากกับช่วงปกติ ที่พระธาตุจะปิดให้เข้าชมตั้งแต่ช่วงเย็นแล้วเดินกลับมาที่โรงแรมใช้เวลาไม่มาก และโรงแรมก็ราคาไม่แพง เมื่อเทีบบกับความสดใหม่ของโรงแรม

โชคดีวันที่เราไปตรงกับวันทำบุญใหญ่พระธาตุซึ่งปีหนึ่งจะจัดแค่สองครั้ง คือวันบูชาพระธาตุในวันขึ้น ๑๐ ค่ำเดือน ๓ และวันออกพรรษาในวันขึ้น ๑๕ ค่ำเดือน ๑๑ ก็เลยมีคนมานั่งสวดมนต์และมีงานบุคญกันข้ามคืนเลยทีเดียว

นอกจากวันที่เราไปจะเป็นวันบูชาพระธาตุแล้ว ยังเป็นวันสัตตนาคารำลึกอีกด้วย ก็เพราะความที่พระธาตุตั้งอยู่ริมน้ำโขงและเป็นที่เคารพของประชาชนในสองประเทศทั้งไทยและลาวนั้น ตำนานท้องถิ่นแถวนี้จึงผูกพันกับพญานาคอย่างมาก โดยในท้องถิ่นนี้มีความเชื่อเกียวกับพญานาค ๗ ตน ที่เป็นผู้สร้างเมืองนครพนม พระธาตุพนม และเฝ้าปกปักรักษาพระธาตุเป็นเวลานาน โดยงานบุชาพญานาคจะเริมตั้นตั้งแต่ก่อนวันออกพรรษาคือวันขึ้น ๕ ค่ำเดือน ๑๑ อันเป็นเหตุมาในปี ๒๕๐๐ ที่มีพญานาคมาประทับทรงสามเณรรูปหนึ่ง มาชวนพระสงต์และชาวเมืองทั้งหลายเจริญพระพุทธมนต์ และบวชปฏิบัติธรรมถวายแต่องค์พระธาตุ และมีการจัดเตรียมหญิงสาวแต่งกายสวยงามเป็นตัวแทนธิดาของพญานาคในการทำงาบุญเช่นนี่ด้วย

ตำนานอุรังคนิทานอันเป็นตำนานพื้นเมืองของชนกลุ่มลุ่มน้ำโขงตอนล่างอย่างลาวและกัมพูชา ได้กล่าวถึงเมื่อบั้นปลายชีวิต องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้เสด็จประทับในสถานที่หลายแห่งในภาคอีสาน และทรงพญากรณ์ว่าจะเป็นเมืองใหญ่ในกาลเวลาต่อมาเช่น กรุงเวียงจันทร์ เป็นต้น ส่วนที่ภูกำพร้าอันเป็นที่ตั้งของพระธาตุพนมนั้น ได้ทรงมาประทับแรมก่อนที่จะเสด็จกลับไปปรินิพพานที่เมืองกุสินารา ประเทศอินเดีย

ในงานถวายพระเพลิงพระสรีรังคาร ปรากฎว่าทำอย่างไรก็ไม่แล้วเสร็จเสียที พระมหากสปะจึงได้อธิษฐานว่าหากพระธาตุองค์ใดที่จะอัญเชิญไปประดิษฐสถานที่ภูกำพร้า ขอให้ลอยมาเสด็จประทับอยู่บนฝ่ามือ เมื่ออธิษฐานเสร็จพระอุรังคธาตก็เสด็จมาจริง งานถวายเพลิงพระสรีรังคารจึงสำเร็จลุล่วงไปได้ พระมหากสปะจึงได้โดยเสด็จมาที่ตั้งของพระธาตุพนม ความถึงพญานาคทั้ง ๕ ณ เมืองต่างๆ ได้แก่ พญานันทเสนแห่งพระศรีโคตบูร พญาจุลีพรหมทัต พญาอินทปัตถนคร พญาคำแดง แห่งเมืองหนองหารน้อย และพญาสุวรรณพิงคาระ แห่งเมืองหนองหารหลวง ได้พากันปั้นดินดิบก่อแล้วเผาไฟ และสร้างพระธาตุเพื่อประดิษฐสถานในเวลาต่อมาครับ

วันที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2518 เวลา 19.38 น. ด้วยเหตุที่มีฝนตกพายุพัดแรงติดต่อมาหลายวันและความเก่าแก่ขององค์พระธาตุ พระธาตุพนมจึงได้ล้มทลายลงมาทั้งองค์ ประชาชนทั้งประเทศได้ร่วมบริจาคทุนทรัพย์และรัฐบาลได้ก่อสร้างองค์พระธาตุขึ้นใหม่ตามแบบเดิม การก่อสร้างนี้เสร็จสิ้นเมื่อวันที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2522 นอกจากจะบรรจุพระบรมสารีริกธาตุในองค์พระธาตุดั่งเดิมแล้ว ยังมีของมีค่ามากมายนับหมื่นชิ้นบรรจุและประดับไว้ในองค์พระธาตุอีกด้วย โดยเฉพาะฉัตรทองคำบนยอดพระธาตุ ซึ่งมีน้ำหนักมากถึง 110 กิโลกรัมอีกด้วยครับ

สำหรับการเดินทางมานมัสการนั้น โดยรถยนต์สามารถเดินทางมาได้จากอำเภอเมืองนครพนมเดินทางมาทางทิศใต้ตามเส้นทางหลวง 212 ประมาณ 50 กิโลเมตรถึงอำเภอธาตุพนม โดยรถประจำทางจากกรุงเทพมีรถโดยสารไปยังอำเภอธาตุพนมโดยตรง ดูรายละเอียดได้ที่www.transport.co.thหรือจากสถานีขนส่งนครพนม มีรถโดยสารไปอำเภอธาตุพนม

ปิดท้ายโดยการแอบมองเพื่อนบ้านเราจากริมมแม่น้ำ จะเห็นว่าอีกฝั่งจะเงียบๆ กว่ามา เพราะลาวยังไม่ได้เปิดประเทศเสียหมด โดยเราสามารถเดินทางไปยังประเทศลาว ด้วยการข้ามสะพานมิตรภาพไทย-ลาวแห่งที่สองที่ใหญ่โตสวยงามและรถน้อมากเมื่อเทียบกับฝั่งหนองคายครับ ขอบคุณมากครับ

Comentarios


Recent Travels
bottom of page