top of page

Asakusa l อาสะคุสะถนนสายของฝากแห่งโตเกียว l รีวิวที่ 26

  • Writer: Angklish Kittichai Singha
    Angklish Kittichai Singha
  • Jan 23, 2016
  • 1 min read

ไปโตเกียวรอบนี้ตั้งใจจะพาไปดูแหล่งละลายทรัพย์ต่างๆ ของโตเกียว สร้างแลนด์มาร์กเอาไว้หลายที่ครับ แล้วจะกลับพาไปดูแต่ล่ะที่ครับ อย่างวันนี้เริ่มต้นกันที่ถนนอาสะคุสะที่เรียกได้ว่าเป็นเมกกะแห่งบรรดาของฝากทั่วประเทศญี่ปุ่นเลยก็ว่าได้ มาที่นี่ข้อดีคือ สามารถหาซื้อของฝากได้หลายอย่าง แต่ข้อเสียคือ ราคาก็ค่อนข้างจะสูงกว่าแหล่งอื่นๆ พอสมควรทีเดียวครับ

อาสาคุสะเป็นชื่อย่านที่อยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของโตเกียวครับ เดินทางจากชินจุกุ หรือจากสถานีโตเกียวก็ใช้เวลาประมาณเกือบๆ ครึ่งชั่วโมงเหมือนกัน แต่ไปถึงได้ด้วยเมโทรสุดสายกินซ่าเลยครับ และอยู่ไม่ไกลจาก Tokyo Sky Tree ที่เราพาไปแตะขอบฟ้ากันเมื่อกระทู้ที่แล้วเลยครับ

สถานที่สำคัญของอาสาคุสะก็คือ วัดเซนโซจิ ที่หลายคนเพี้ยนไปเรียกว่าเป็นวัดอาสะคุสะ คันนน ตามทัวร์ไทยเสียอย่างงั้น ทั้งที่อาสะคุสะ คันนนนั้น หมายถึง องค์พระประธานที่เป็นที่เคารพของคนโตเกียว ซึ่งเป็นพระโพธิสัตว์พันกร หรือพระอวโลกิเตศวร ตามคติมหายาน ที่คนไทยและคนจีนส่วนใหญ่รู้จักกันในนามของเจ้าแม่กวนอินนั้นเองครับ ส่วนพระคันนนแม้จะมีรากศัพท์มาจากคำว่ากวนอินในภาษาจีนก็จริง แต่พระคันนนของญี่ปุ่นนั้นเป็นเพศชายครับ ตรงกับพระอวโลกิเตศวรของอินเดียครับ ส่วนที่ทำไมมาเมืองจีนแล้วถึงเป็นเพศหญิง ถ้าใครอยากรู้ อย่าถามครับ มีเล่ายาวกันเลยทีเดียว ส่วนอาสะคุสะนั้นยังหมายถึง ศาลเจ้าอาสะคุสะจินจา ที่ตั้งอยู่ด้านหลังวัดตั้งหากล่ะครับ แต่สงสัยจะขี้เกียจให้คนไทยจำเยอะ รวมฟิวชั่นกันเป็นวัดอาสะคุสะเสียเลย

นอกเหนือจากวัดเซนโซจิแล้ว ที่สำคัญคือถนนที่ทอดยาวตรงจากหน้าวัดไปจนถึงถนนใหญ่ อันเป็นที่ตั้งของประตุเทพสายฟ้าหรือประตูคามินาริมอน เป็นที่ตั้งของตลาดนาคามิเสะ (仲身世)ซึ่งเป็นตลาดเก่าแก่ที่สุดมีมานานก่อนที่โตเกียวจะเป็นเมืองหลวงของระบอบโชกุนเมื่อ 600 ปีที่แล้วด้วยซ้ำ เรียกว่าได้เป็นหนึ่งตลาดที่เก่าแก่ที่สุดของโลกแห่งหนึ่งเลยก็ว่าได้ครับ โดยที่นี้จะขายของกินของใช้และของฝากที่รวบรวมมาจากทั่วโตเกียวเลย และปัจจุบันก็เป็นตลาดชาวบ้านร้านรวงธรรมดาของโตเกียวที่อยู่คู่กับตลาดไฮโซอย่างถนนโอโมเตะซานโดะแถวชินจูกุโน่นเลยครับ

บนความยาวไม่กี่ร้อยเมตรของตลาดนากามิเซ่ เมื่อรวมกับตลาดอื่นๆ ที่เปิดขึ้นมาใหม่ในย่านอาสะคุสะ ทำให้ถนนสายนี้เป็นอีกหนึ่งของถนนสายนักช๊อปเลยครับ โดยเฉพาะคนที่ต้องการมาซื้อของฝากก่อนกลับบ้าน แต่นั้นแหล่ะครับ ราคาที่นี้ค่อนข้างจะสูงเมื่อเทียบกับที่อื่น แต่ก็ไม่ต้องเดินทางไกลมาก เอาไว้เป็นเป้าหมายขากลับได้เลยก็ได้ครับ ถ้าใครกลับไฟต์ดึกไม่ผิดหวัง อ้อตลาดที่นี้ปิดเร็วนะครับ ห้าโมงหกโมงเย็นตลาดก็วายกันแล้วครับ ส่วนใหญ่พอตกกลางคืนคนก้อน็อยแล้ว มิได้เป็น Night Bassar แบบที่เมืองไทยนะครับ แต่คนที่มาที่นี่ตอนกลางคืน นอกจากจะมานมัสการองค์พระแล้ว บางทีก้อมาถ่ายรูปชัตเตอร์ของแต่ละร้านในตอนกลางคืน ก็สวยไม่แพ้กันเลยครับ

ที่นี้เรามาอีกทีตอนกลางวันครับ มาดูความตึกตึกของที่นี้ แล้วเลือกวันไหนรู้่ไหมครับ เราเลือกเอาวันที่ 1 มกราคมเลย ซึ่งถือเป็นวันฮาซึโมเดะ วันแรกของปีที่คนญี่ปุ่นจะต้องไปกราบไหว้วัดที่ศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ เพื่อเป็นสิ่งมงคลไปตลอดทั้งปีครับ อ้อที่ญี่ปุ่นไม่มีแก้เรื่องปีชงนะครับ ไม่ต้องไปตามเขา แต่ก็มีบางวัดเริ่มเอากลยุทธการตลาดแบบนี้มาใช้ให้เห้นกันบ้างแล้วครับ

ในวันฮาสึโมเดะ หรือวันที่ 1 มกราคมนี้ คนญี่ปุ่นจะไปวัดกัน ทัวร์ส่วนใหญ่จึงจะเลี่ยงวันนี้พาไปวัดใหญ่ๆ แต่สำหรับผมๆ ว่าเราควรไปวันนี้ครับ แม้จะคนเบียดเสียดเยอะแยะก็ตาม ของผมมาวันแรกของปีเพื่อเป็นสิ่งมงคลของปีใหม่แล้ว ยังคิดมาตามหาสาวในชุดกิโมโนด้วยครับ แต่สงสัยผมว่า นักท่องเที่ยวของไปเที่ยวญี่ปุ่นมากขึ้น ที่อาซาคุสะนี่ ผมเจอแต่คนจีน อินเดีย และไทย เยอะมากๆ จนแทบไม่เห็นคนญี่ปุ่นด้วยซ้ำ ส่วนใหญ่จะเจอแต่คนไทยโหวกเหวกโวยวายทั้งนั้นเลยครับ ภารกิจมาตามหาสาวในกิโมโนก็เลยไม่ได้รูปมาเยอะแยะเท่าไรเลย คิดว่าเขาคงหนีนักท่องเที่ยวกันพอสมควร

แม้ว่าจะผิดคาดไปหน่อยที่จะเห็นคนใส่ชุดประจำชาติอย่างชุดกิโมโน หรืออย่างน้อยชุดยูกาตะ ออกมาใส่โชว์แบบเสียงเล่าอ้าง กลับกลายเป็นว่าตลอดปีใหม่นี้ ผมเห็นหญิงงามในกิโมโนนั้นมีน้อยกว่ามากๆ อย่างเห็นได้ชัดเลยครับ เอาเหอะ เราไปพานมัสการในวัดในส่วนต่างๆ กันดีกว่าครับ ส่วนวันปีใหม่เราจะได้เห็นแต่พระคันนนไกลๆ ครับ ต้องหลังปีใหม่ไปแล้วถึงจะได้ไปนมัสการได้ใกล้ขึ้น

การถวายเครื่อหอมกำยานแบบอินเดียก็ยังคงมีให้เห็นในวัดพุทธครับ โดยที่นี้เมือปักธูปแล้วคนญี่ปุ่นนิยมจะปัดควันธูปเข้าหาตัวด้วยครับ หรือมีหลายคนเหมือนกันที่จะไปยืนรับพลังอยู่ใต้โคมแดง ที่ด้านโคมยักษ์นั้นจะเป็นรูปเทพเจ้ามังกร ที่เราสามารถไปขอรับพลังจากท่านได้ โดยไม่ต้องรวบรวมลูกแก้วให้ครบทั้ง 7 ลูกก่อน

วัดเซนโซจินี้ย้อนหลังกลับไปได้กว่าสองพันปีแล้วครับ มีหลักฐานว่าวัดนั้นสร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 628 ไกลโขเลยโดยชาวประมงสองพี่น้องนาม ฮิโนคุมะ ฮามานาริ กับฮิโนคุมะ ทาเคะนาริ วัดเซนโซจิจึงเป็นวัดที่เก่าแก่ที่สุดแล้วในกรุงโตเกียวครับ อย่างไรก็ดีวัดที่เราเห็นอยู่นี้ เป็นวัดที่สร้างขึ้นมาใหม่นะครับ ของเดิมถูกทำลายไปแล้วตั้งแต่สมัยสงตรามโลกครั้งที่สองครับ

เอาล่ะครับ วันนี้ขอปิดท้ายที่รูปวัดในมุมต่างๆ บ้างและในมุมกลางคืนครับ หากใครสนใจดูรูปก็เหมือนเดิมครับ เลือกไปดูที่หน้าโตเีกยวได้เช่นครับ ขอบคุณครับ

Comments


Recent Travels
bottom of page