Shimoyoshida l เจดีย์แดงที่เค้าฮิตกันไปโอฮาโย่ฟูจิ l รีวิวที่ 31
- Angklish Kittichai Singha
- Apr 3, 2016
- 1 min read

รีวิววันนี้ก็อยู่ที่ญี่ปุ่นเหมือนเดิมครับ ช่วงนี้ไปญี่ปุ่นบ่อยมาก จนคุณแฟนถึงกับยื่นคำขาดกันเลยทีเดียวว่าปีนี้งดญี่ปุ่นนะ แต่จริงๆ ก็แอบมีแผนไปเที่ยวฮอกไกโดสอดใส้อยู่ หุ หุ กลับมาเข้าเรื่องดีกว่า ถ้าพูดถึงภูเขาไฟฟูจิ หรือ Fujisan อันเป็นสัญลักษณ์ของญี่ปุ่นแล้ว มีจุดที่ชมฟูจิกันได้หลายเมืองทีเดียว แต่ต้องวางแผนกันดีๆ หน่อย เพราะไม่ใช่ว่าฟูจิจะโผล่มาให้เห็นทุกวัน อย่างผมไปครั้งแรกนี้ไปอยู่ตีนเขาฟูจิที่สถานีชั้น ๕ กันเลย แต่ก็ยังมองไม่เห็น เพราะสภาพอากาศไม่เอื้ออำนวย ไปครั้งที่สองก็ยังไม่ได้เห็นชัดๆ เพราะไปเดือนพฤศจิกายน icecap ยังไม่หนามากเท่าไร คราวนี้ไปปีใหม่กันเลย และก็โชคดีที่ได้เห็นฟูจิอย่างเต็มาตาครับ ช่วงเดือนมกราคมน่าจะเป็นช่วงที่การันตีได้ว่าจะเห็นฟูจิได้แจ่มชัด และมีหิมะปกคลุมอยู่เต็มที่เลย

ในบรรดาสถานที่ชมวิวฟูจิได้แจ่มชัดที่สุดก็คือบริเวณรอบทะเลสาบทั้ง ๕ ที่อยู่รายล้อมฟูจิครับ โดยทะเลสาบที่ใหญ่และมีที่พักและเรียกได้ว่ายอดนิยมสุดก็คือ ทะเลสาบคาวาคูจิโกะ แต่คราวนี้ไม่ได้พาไปคาวาคูจิโกะครับ เราจะหยุดกันที่เมืองชิโมโยชิดะ (Shimoyoshida) ห่างจากคาวาคูจิโกะสัก ๒๐ นาที และสามารถเดินทางจากโตเกียวได้สบายๆ เพราะเป็นเส้นทางเดียวกันกับที่ไปคาวคูจิโกะนั้นแหล่ะครับ วิวยอดฮิตของที่นี่ก็คือเจดีย์แดง หรือ เจดีย์จูเรย์โตะ Chureito เจดีย์ห้าชั้น กับวิวยอดฮิตของคนไทย ไม่เชื่อดูป้ายสถานีสิครับ คนไทยไปเที่ยวกันมากแค่ไหน ป้ายที่นี้ถึงกับมีภาษาไทยกำกับกันไว้ที่เดียว ขิโมโยชิดะมีความว่า ตีนเขาฟูจินั้นเองล่ะครับ


มาเริ่มต้นกันที่การเดินทางก่อนครับ ซึ่งไปไม่ยากเลยครับ ปกติแล้วมีรถไฟไปชิโมโยชิดะทุกวันครับ โดยเริ่มต้นจากสถานีชินจูกุที่โตเกียว แล้วนั่งรถไฟด่วนพิเศษ โดยเที่ยวเช้าสุดที่ไปคือเที่ยว ๗โมงเช้าครับ ผมแนะนำให้ไปเที่ยว ๗โมงเช้านี้นะครับ มีอีกเที่ยวคือ ๗โมงครึ่ง แต่ถ้าไปเที่ยว ๗โมงครึ่งตอนไปต่อต้องรีบกันหน่อยครับ เพราะจะมีเวลาต่อรถไฟไปชิโมโยชิดะเพียงแต่ ๔นาที แต่ถ้าไปเที่ยวเช้าสุดนั่งสาย Super Azusa ไปจะมีเวลาต่อเหลือเฟือเลยครับ โดยเราจะนั่งรถไฟสาย Super Azusa ไปลงที่เมืองโอซึกิ (Otsuki) ใช้เวลาเกือบๆ ชั่วโมงครับ เมืองโอซึกินี้ถ้าเทียบกันแล้วก็ประมาณนั่งจากกรุงเทพไปอยุธยาประมาณนั้นเลยครับ สำหรับเที่ยวต่อไปหลังแปดโมงไปแล้ว รถไฟจากชินจุกุไปยังโอซึกิจะมีชั่วโมงละขบวนนะครับออกตั้งแต่ ๘โมงครึ่งไปเรื่อยๆ เลย จนถึงเที่ยวสุดท้าย ๕ ทุ่มครึ่ง เผื่อใครอยากพักก่อนก็อาจจะนอนที่เมืองโอซึกินี่ก็ได้ครับ โดยรถไฟขบวนที่ไปเมืองโอซึกิจะมีสองขบวนครับคือ Azusa กับ Kaiji ครับ พอไปสถานีโอซึกิแล้ว ภายในสถานีเดียวกันเราก็ต้องไปต่อรถไฟเอกชนสายน่ารักๆ แบบนี้ครับ คือสาย Fujukyu ที่มุ่งหน้าไปยังคาวาคูจิโกะ แต่ต้องเลือกดีๆ นะครับ มันมีแบบรถด่วนที่เป็นรูปภูเขาไฟฟูจิ (รูปด้านล่างบน) กับรถไฟท้องถิ่น ให้เลือกรถไฟท้องถิ่นครับ ซึ่งรถไฟท้องถิ่นก็ให้บรรยากาศที่น่ารักเหมือนกันนะครับ บางขบวนเป็นรูปรถไฟคุณโธมัสด้วย (รูปด้านล่างล่าง) โดยเราจะใช้เวลาจากโอซึกิไปยังสถานีชิโมโยชิดะกันประมาณ ๔๐นาทีครับ ลงสถานที่สิบสามระยะทางประมาณ ๒๒ กิโลเมตรจากโอซึกิครับ



นอกเหนือจากเส้นทางข้างต้นแล้ว หากใครเดินทางวันเสาร์หรือวันอาทิตย์จะมีรถเร็วด่วนไปคาวาคูจิโกะเลยครับ ก็คือสาย NEX หรือ นาริตะเอ็กเพรส ที่วิ่งจากสนามบินนาริตะนั้นแหล่ะครับ เป็นเส้นทางพิเศษเฉพาะวันหยุดให้คนเดินทางจากสนามบินไปดูฟูจิก่อนกลับได้ (แต่ผมไม่แนะนำเท่าไรครับ เดี๋ยวพลาดแล้วจะยาว) เอาไว้เป็นอีกเส้นทางหนึ่งหากเราจะตรงไปพักที่คาวาคูจิโกะในวันเสาร์อาทิตย์ดีกว่าครับ โดย NEX จะหยุดที่เส้นทางสำคัญก็คือ อูเอโนะ โตเกียว ชินจูกุ แล้ววิ่งยาวตรงไปหยุดที่เมืองโอซึกิ ก่อนวิ่งตรงไปสุดสายที่คาวาคุจิโกะเลยครับ แล้วจากคาวาคุจิโกะให้นั่งรถไฟสาย Fujikyu ย้อนมาสองสถานีเองครับ ก็ถึงชิโมโยชิดะแล้ว เอาไว้เป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับคนพักที่คาวาคูจิโกะนะครับ อ้อทั้งสองเส้นทางนั้น JR Pass ใช้ได้ถึงแค่โอซึกินะครับ ต่อจากนั้นก็ต้องซื้อตั๋วแยกจากโอซึกิมายังชิโมโยชิดะหรือคาวาคูจิโกะเอาครับ แต่ถ้าเป็น JR Kanto Pass ล่ะก็รวมหมดแล้วครับ ไม่ต้องซื้อแยก และถ้าไปสาย Asuza หรือ Kaija อาจไม่ต้องจองตั๋วก็ได้นะครับ ที่นั่งเหลือๆ แต่ผมว่ายังไงจองไว้ดีกว่ากันเหนียว




เมื่อท้องฟ้าเป็นใจในขณะที่เรานั่งรถไฟฉึกฉักไป ก็จะเห็นฟูจิออกมายิ้มทักทายกับเราเป็นระยะๆ ครับ โดยให้เลือกที่นั่งด้านขวามือไว้ครับ ซึ่งใครที่ชอบถ่ายรูปก็จะได้วิวฟูจิกับบบรรยากาศต่างๆ หลากหลายแบบครับ และเมื่อเรายิ่งใกล้มาถึงชิโมโยชิดะเท่าไรฟูจิก็ยิ่งใกล้ขึ้นทุกทีล่ะครับ ซึ่งผมแนะนำว่าให้มาแต่เช้าดีกว่าครับ เพราะฟูจิอยู่ทางทิศตะวันตกของเรา หรือจากโตเกียว ดังนั้นตอนสายๆ ถึงบ่ายๆ แล้ว แดดแรงๆ จะสะท้อนให้ถ่ายรูปฟูจิได้ไม่ชัด โดยเฉพาะหิมะขาวๆ นี้ล่ะ เป็นตัวรีเฟล็กสะท้อนแสงอย่างดีทีเดียว
ที่สถานีชิโมโยชิดะนั้น ฟูจิจะอยู่ด้านหน้าของสถานี ส่วนเจดีย์จูเรย์โตะจะอยู่ด้านหลัง โดยเราต้องเดินขึ้นบันใดไปบนเนินเขาลูกเล็กๆ อีกประมาณ ๒๐๐ ขั้นครับ ดังนั้นควรจะฟิตร่างกายกันนิดนึง ส่วนรถขับขึ้นไปได้เลยครับ แทบจะจอดที่เจดีย์เลยด้วยซ้ำ จากสถานีให้เลี้ยวขวาเดินไปตามป้ายบอกทางไปเจดีย์ครับง่ายมากๆ ครับ ข้ามทางรถไฟและผ่านบ้านของชาวเมืองไปนิดหน่อยจนถึงใต้ทางด่วนครับ ตลอดทางก็จะเห็นฟูจิได้ตลอดเวลาครับ ระยะทางประมาณ ๔๐๐ เมตรครับ ไปทางป้ายที่เขียนว่า Arakurayama Sengen Park นั้นแหล่ะครับ เป็นสวนสาธารณะอันเป็นที่ตั้งของเจดีย์ และข้ามลำธารเล็กๆ จนเห็นโทริอิสีแดงตามรูปก็แปลว่ามาถึงทางขึ้นแล้วครับ



รวมระยะเวลาเดินทางจากสถานีมายังจุดนี้ไม่เกิน ๑๐ นาทีครับ แต่จากนี่ไปครับต้องขึ้นบันใดไปอีกประมาณ ๒๐ นาที ครับ ไม่ไกลครับ แต่บันใดค่อนข้างชันต้องระวังและเกาะราวขึ้นไปเรื่อยๆ คนแก่ที่ไม่แข็งแรงอาจขึ้นไปถึงแค่ศาลเจ้าก่อนถึงตัวเจดีย์ก็พอครับ ตรงนั้นก็เห็นฟูจิแบบพาโนราม่าแล้ว หรือขึ้นไปก็พักไปเรื่อยๆ ครับ ไม่ต้องรีบหันมาดูวิวฟูจิได้เรื่อยๆ เป็นกำลังใจครับ แต่ถ้าแดดแรงก็ถอดเสื้อหนาวไว้ได้นะครับ อากาศจะเย็นสบายเลยไม่เหนื่อยมาก แต่ถ้ายังหนุ่มแน่นแบบกระผมก็ตัดใจเดินรวดเดียวไปเลยครับ (จริงๆ ไปฟิตเนตก่อนมาเลยคราวนี้ฟิตหน่อยไม่เหนื่อยเท่าไร) มาชมวิวกันก่อนกลับครับ







หลังจากชมวิวกันเต็มอิ่มก็ได้เวลากลับกันแล้ว โดยลงมานิดนึงก็จะเป็นศาลเจ้าครับ เราแวะทำบุญปีใหม่กันก่อน ของผมได้ซื้อสมุดโน๊ตแบบญี่ปุ่นได้ช่วยทางวัดด้วย โดยคุณลุงเจ้าหน้าที่เขาจะเขียนภาษาญี่ปุ่นอวยพรปีใหม่ให้เราด้วยครับ แต่จริงๆ ลุงเขาบอกว่าซื้อมาเหอะยังไงแกก้อเขียนอวยพรให้ ที่อยากได้คืออยากเก็บตัวเขียนญี่ปุ่นที่เขียนด้วยหมึกจีนและภู่กันไว้เป็นที่ระลึกด้วยครับคุณลุงเขาเขียนสวยมาก
จากชิโมโยชิดะจะกลับโตเกียวก็ย้อนเส้นทางเก่าเลยครับ แต่ถ้าใครมีเวลาเหลือสามารถเลือกเดินทางต่อไปยังสถานีต่อไปคือ สวนสนุกฟูจิคิวไฮแลนด์ได้เลยครับ สวนสนุกที่นี่วิวดีมากเพราะอยู่ใต้ภูเขาไฟฟูจิเลย หรือนั่งไปลงที่คาวาคูจิโกะก็ได้ครับ อ้อที่คาวาคูจิโกะเราสามารถเดินเท้าไปที่ทะเลสาปได้นะครับไม่เกิน ๑๐ นาที ที่แรกจะเป็นกระเช้ายอดฮิตเพื่อขึ้นไปดูวิวฟูจิเหมือนกันครับ ที่ทะเลสาบสถานีแรกๆ มองไม่เห็นฟูจิหรอกนะครับ ต้องขึ้นเขาไปก็คือเขาคาจิคาจิ (Mt.Kaji Kaji Ropeway) แต่ถ้าใครอยากถ่ายรูปฟูจิกับทะเลสาปด้วย ต้องนั่งรถไปสถานทีท้ายๆ นะครับ ถึงจะเห็น ส่วนใครอยากดูรูปอื่นๆ เชิญที่ห้องภาพได้เหมือนเดิมเลยครับ ราตรีสวัสดิ์คร๊าบ











Comments