top of page

St. Petersburg - Russia (1) หนาวลมขั้วโลกที่เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก (รีวิวฉบับที่ 6)

  • Writer: Angklish Kittichai Singha
    Angklish Kittichai Singha
  • Oct 2, 2015
  • 1 min read

ตามสัญญาครับ หลังจากขี้เกียจมานานก็ได้เวลาปัดฝุ่นจากสมองเอาความทรงจำการท่องเที่ยวที่ต่างๆ มาฝากเป็นข้อมูลการท่องเที่ยวให้กับเพื่อนๆ สักที อีกยังป้องกันปัญหาอัลไซเมอร์ถามหาตามวัยของแอ็ดมินที่จะเหี่ยวลงๆ ทุกๆ วันสิน่า โดยวันนี้ขอกลับไปที่ที่เที่ยวล่าสุดก่อนดีกว่าความทรงจำยังใสปิ๊งที่นครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก รัสเซียครับ

พวกเราไปรัสเซียกันเมื่อต้นพฤษภาคมนี้เองครับ นับว่าขึ้นเหนือสุดแล้วจากที่เคยไปมา โดยเปลี่ยนแผนจากที่กะว่าจะไปไอซ์แลนด์เพราะความไม่พร้อมมองหน้ากันไปมา แล้วก้อตัดสินใจกันตอนนั้นเลยว่าไปรัสเซียกันเหอะแบบฉุกละหุกกันที่สุด เพราะไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจกับการไปรัสเซียมาก่อนเลยใครๆ ก็ว่าประเทศนี้ไม่ไปกับทัวร์เป็นความเสี่ยง ต้องใช้วิจารณญานส่วนบุคคลกันเอาเอง แล้วเราก็ใช้วิจารณญานดังกล่าวเสี่ยงเอาเหอะ ทั้งที่ตอนนั้นเส้นทางการบินไทยไปมอสโกว์ก็ปิดลงแล้วด้วย การเดินทางไปรัสเซียจากที่ต้องบินตรง ก็ต้องยอมไปเวียสิงคโปร์อ้อมไปอีก ดีที่คนไทยไปประเทศนี้ไม่ต้องขอวีซ่าครับ เพราะทางรัสเซียได้ให้ฟรีวีซ่ากับประเทศไทย เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติเมื่อครั้งสมเด็จพระราชินีนาถฯ ของเราเสด็จประพาสรัสเซียแทนพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เมื่อสิบกว่าปีก่อนหน้านี้ เรียกว่าคนไทยเอาไปคุยกันได้เลย เพราะขนาดคนอเมริกันหรือยุโรปจะไปเที่ยวรัสเซียยังต้องขอวีซ่าเลย

ไปรัสเซียกันคราวนี้ก็แค่สองเมืองครับคือ กรุงมอสโกว์ และนครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก สองเมืองสุดฮิตสำหรับมือใหม่เที่ยวรัสเซีย ซึ่งผมขอยกนิ้วให้ครับว่าปลอดภัยและสะดวกสบายสุดๆ เรียกว่าปลอดภัยกว่าเที่ยวในอเมริกาเสียอีก อย่างว่าครับของแบบนี้ต้องไปสัมผัสเอง บางครั้งเราก็อยู่กับสื่อตะวันตกมากเกินไปหน่อย

ต้นพฤษภาที่รัสเซียเรียกว่าปลายหนาวแล้วครับ แต่ความหนาวเย็นของรัสเซียที่ทำให้ฮิตเลอร์อกแตกตายมาแล้วไม่ใช่เรื่องโกหก ขนาดช่วงที่เราไปยังติดลบกันเกือบทุกวันเลย โดยเฉพาะยิ่งขึ้นเหนือไปเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กรับลมกันเต็มที่จากทะเลเปิดบอลติกทางตะวันตก ลมขั้วโลกเหนือทางเหนือ และความแห้งแล้งจากไซบีเรียทางตะวันออก ขอบอกครับว่าหนาวลึกถึงกระดูก และลมที่นั่นแรงเอามั่กๆ ขนาดพัดเสาสัญญานไฟแดงกันงอได้ง่ายๆ

รีวิววันนี้เริ่มต้นด้วยความสบายๆ เหมือนเช่นเคยครับ คือไปเดินเล่นกันทั่วๆ เมืองกินบรรยากาศกันก่อน จริงๆ ที่เซนต์ปีเตอร์สเบิร์กไม่ใช่เมืองที่มีขนาดใหญ่มากนัก แลนด์มาร์กส่วนใหญ่ก็อยู่ใกล้ๆ กัน มีบางที่ที่ต้องเดินออกไปนอกตัวเมืองจากรถไฟใต้ดินหน่อยกันให้เหนือยเสียหอบใหญ่ ดีที่ไม่ร้อน แต่ก็ไม่ดีนะครับ บางวันหนาวขนาดยังกะเดินอยู่ในตู้เย็นยังไงยังงั้น แถมมีหิมะโปรยปรายอีกด้วย โรแมนติกป่ะล่ะ แต่ลองไปเดินดูครับแล้วจะรู้ว่าไม่ว่าจะหนาวหรือจะร้อน มันทรมานทั้งคู่ ขนาดผมชอบอากาศหนาวๆ นะเนี่ย แลนด์มาร์กสำคัญๆ ก็อย่างโบสถ์หยดเลือด (รูปแรก) วิหารเซนต์ไอแซค และก้อพระราชวังฤดูหนาวเฮอร์มิเทจ ซึ่งรีวิวนี้ใจร้ายยังไม่พาไปเข้าชมวันนี้หรอกครับ วันนี้จะพาไปเดินเล่นรอบๆ เมืองกันก่อน

การเดินทางไปเซนต์ (ขอเรียกสั้นๆ นะครับ พิมพ์ซ้ำๆ ก้อเหนื่อยเหมือนกันเน้อเอ้าสิ) จากมอสโกว์ไม่ยากครับ ระบบขนส่งมวลชนของมอสโกว์นั้นสะดวกมาก โดยเฉพาะเส้นหลักที่วิ่งเป็นวงกลมลูปเนี่ย ผ่านสถานที่สำคัญๆ ของมอสโกว์ทั้งนั้นเลย รวมไปถึงสถานีคอมโซมอลสกาย่า ซึ่งเป็นที่ตั้งของสถานีรถไฟชื่อเดียวกันที่จะวิ่งตรงไปยังถึงเซนต์ครับ ส่วนการเดินทางไปเซนต์นั้นมีรถไฟวิ่งกันทั้งคืน ซึ่งมีตัวเลือกสองแบบคือโดยสาร Night Train ไป ออกจากมอสโกว์สัก 5 ทุ่ม เช้าๆ ก็ถึงเซนต์แล้วครับ แต่เห็นเขาว่าต้องจองล่วงหน้านะครับ หากจะไปในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ เพราะวันปกติคนเดินทางระหว่างสองเมืองนี้มีเยอะมากตลอดเวลา Night Train ก็คล้ายๆ กับรถมาตรฐานยุโรปทั่วไปครับ ประหยัดหน่อยก็เลือก Compartment แบบนอน 4 คน หรือจะเลือกแบบสองคนก็ได้แต่ราคาแพงอยู่ ส่วนราคาแพงสุดก็คือ High Speed Train ครับ เราเลือกแบบนี้เพราะอยากเดินทางรวดเร็วครับ ใช้เวลาแค่ 4 ชั่วโมงเอง แล้วราคาก็แพงกว่ารถนอนไม่มากเท่าไรครับ แต่ถ้าใครชอบดูวิวข้างทางล่ะก็ ผมว่าไปรถนอนเหอะ เพราะวิวระหว่างมอสโกว์ไปเซนต์ ไม่มีอะไรเลยล่ะครับ เพราะเป็นที่ราบกว้างใหญ่ ไม่มีผ่านภูเขาหรือแม่น้ำอะไรสวยๆ มากมายครับ อยากผมก็หลับไปหลายครั้งเลย

เพียงสี่ชั่วโมงก็มาถึงเซนต์อย่างที่ตั้งเป้าไว้ รถไฟความเร็วสูงที่นี้สะดวกสบายและทันสมัยดีครับ เราเช็คอินกันที่ Crowne Plaza St.Petersburg ซึ่งมาตรฐานสูงตามแบรนด์นี้อยู่แล้วครับ แต่ราคาถูกมากเพราะเราไม่ได้ไปช่วงหน้าท่องเที่ยว แถมค่าเงินรูเบิ้ลอ่อนเอามากๆ ตนคืนละสองพันต้นๆ เองครับ วันหลังจะพาไปรีวิวตัวโรงแรมกันนะครับ

ตัวโรงแรมอยู่ในย่านธุรกิจครับ จะให้เดินไปย่านเมืองเก่าท่องเที่ยวก็ทำได้ประมาณ 30 นาที อย่างโบสถ์หยดเลือดนี้เราก้อเดินฝ่าฝนหิมะกันไปครับวันแรก แต่เพื่อประหยัดเวลาผมว่าใช้รถไฟใต้ดินดีกว่า ราคาแค่ครึ่งเหรียญหรือสิบกว่าบาทต่อเที่ยวเองครับ ไม่ต้องไปซื้อสมาร์ทการ์ดสำหรับการเดินทางบ่อยๆ หรอกครับ ซื้อเป็นเที่ยวๆ สะดวกกว่าครับ โดยเฉพาะอย่างเราไปหยอดตู้เติมเงินสมาร์ทการ์ดแล้ว ถูกตู้อมเงินอ่ะครับ มาตรฐานเหมือนกันทั้งกทม. ปารีส และเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กเลย T___T

แลนด์มาร์กหลักๆ อยู่แถวที่วงไว้ในแผนที่เลยครับ ของเราพักอยู่ตรงข้ามกับห้างใหญ่ที่สุดของเมืองซึ่งเป็นที่ตั้งของสถานีรถไฟที่กลับไปมอสโกว์ด้วยคือสถานีมอสโกวสกาย่า สายสีเขียวครับ ซึ่งนั่งไปหนึ่งสถานีลงที่สถานี กอสตินี่ดวอร์ (Gostiny dvor) ก็เป็นจุดเริ่มต้นเดินเล่นในเมืองเซนต์ได้อย่างสบายๆ แล้วครับ โดยจากสถานีจะใกล้กับโบสถ์หยดเลือดด้วย นับว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีครับ

จากจุดนี้เราเดินฝ่าสู้ลมฝน ลมหิมะ กันได้ทั้งวัน โชคดีสุดๆ เพราะไม่ค่อยบ่อยที่เซนต์จะฟ้าแจ้งในฤดูนี้ เราไปแค่สามวันสามคืนเต็ม หมดไปลมฝน หิมะ และฟ้าหลังไปวันครึ่ง โชคดีที่ฟ้าแจ้งกระจ่างสุดๆ กับที่เหลืออีกวันครึ่ง แถมช่วงเย็นฤดูนี้พระอาทิตย์เริ่มตกช้าแล้วครับ กว่าจะตกสองทุ่ม ช่วง 5 โมงเย็นกว่าๆ ฟ้าก็เริ่มใสอีกเหมือนกัน เรียกว่าเดินกันสบายๆ เลยครับ

ที่เซนต์นี้จึงเหมือนนครใหญ่ๆ ที่ใช้ชีวิตกันอย่างเร่งรีบ สภาพรถติดไม่แตกต่างจากกรุงเทพ ในช่วงชั่วโมงเร่งด่วน แต่ด้วยความที่นี่อากาศหนาวขั้วโลกมากๆ เวลาที่แดดออกมากๆ การนั่งตากแดดหอมแดดอุ่นๆ จิบกาแฟในสวน กับวันที่คนอื่นเร่งรีบกันมันช่างได้ฟิลเหลือเกิน เดินตามตรอกซอยต่างๆ ที่เชื่อมต่อกันทุกถนนตามผังเมืองที่ดีมากเมืองหนึ่ง แล้วแวะพักร้านกาแฟท้องถิ่นเหมือนแบรนด์สตาร์บัค ที่พบได้ทุกมุมเมือง ชื่อร้าน Кофе Хауз ซึ่งเราอ่านติดตลกเพราะไม่รู้ภาษารัสเซียว่าร้าน โกปี้เซ็กซี่ย่า แต่จริงๆ คำนี้อ่านว่า โคฟี้เค้าส์ หรือ Coffee House ตรงตัวในภาษาอังกฤษเลย ซึ่งมีเมนูที่หลากหลายทั้งกาแฟ กาแฟแนวฟิวชั่น ขนม และอาหารแบบตะวันตกตามปรกติด้วยครับ

จากสถานีกอสตินี้ดวอร์ เราลงรถไฟใต้ดินไปอีกหนึ่งสถานีแอ็ดมิรัลตี้สกาย่าที่อยู่ริมทะเลบอลติกเลย ทั้งๆ ที่ห่างจากจุดเริ่มต้นเราไปแค่สถานีเดียว แต่ที่เราอย่างลองลงไปก็เพราะว่าสถานีรถไฟฟ้าสถานีนี้เป็นสถานีที่อยู่ลึกที่สุดในโลกครับ เรียกได้ว่าลงบรรไดเลื่อนที่แทบจะหลับ แล้วหากใครได้ล้มลงไปล่ะก้อ อาจจะรู้สึกเหมือนกลิ้งตกหน้าผาก็ได้นะครับ เพราะทั้งสูงและชัน ใครกลัวความสูงอาจสั่นได้ นอกจากนี้สถานีนี้ยังอยู่ใกล้กับแลนด์มาร์กเด่นๆ ทั้งๆ พระราชวังเฮอร์มิเทจ กองทัพเรือ และโบสถ์เซนต์ไอแซค ให้เราได้ถ่ายรูปเล่นกันด้วย จากจุดนี้หลังพระราชวังฯ เราข้ามสะพานเพื่อข้ามไปยังเกาะริมทะเลฝั่งตรงข้ามกับเมือง (หรืออาจจะนั่งไปลงที่สถานีกอร์กอฟสกาย่า) ที่ฝั่งนี้เราสามารถมองเข้าไปเห็นตัวเมืองเซนต์อยู่ริมน้ำ มีพระราชวังเฮอร์มิเทจเป็นฉากประกอบได้สวยงาม นอกจากนี้เรายังสามารถไปเดินเล่นที่ป้อมปีเตอร์และพอล (Peter and Paul Fortress) น่าเสียดายที่เราไปกลับเป็นวันที่ป้อมปิด ก็เลยได้แต่เดินเล่นรอบๆ ซึ่งก็ให้บรรยากาศโรแมนติกสุดๆ ตอนนั่งอยู่ปากแม่น้ำเนว่าริมทะเลบอลติก บรรยากาศหน้าพาใครมาบอกรักสักคนเลยจริงเชียว อ้อที่ป้อมแห่งนี้มีโบสถ์ที่เป็นที่ฝังพระศพของกษัตริย์แทบทุกองค์ในราชวงศ์โรมานอฟ ราชวงศ์สุดท้ายของรัสเซียอีกด้วย

ปิดท้ายการเดินเล่นที่เซนต์ไกลหน่อยครับ เพราะผมอยากเห็นโบสถ์หลังคาสีฟ้าที่อยู่ในโปสเตอร์แนะนำการท่องเที่ยวชื่อโบสถ์ Trinity Izmailovskly เสียดายที่ฟ้าหลังไปหน่อยเลยขับความฟ้าสดตัดกับตัวโบสถ์สีขาวได้ไม่สวยเท่าไรนัก

คลิกรูปกล้องเพื่อชมมุมต่างๆ ในเมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กได้นะครับ คราวหน้าจะพาไปเยี่ยมชมสถานที่ต่างๆ ครับ คอยรับชมได้นะครับ ขอบคุณที่แวะเข้ามาเยี่ยมชมครับ

Comments


Recent Travels
bottom of page